Views: 40
กว่าจะเป็นข้าราชการครูในกรุงเทพ สำหรับชีวิตต้นทุน 0 บาท
กว่าจะมาเป็นข้าราชการครูเราเป็นคนหาเงินเรียนเองตั้งแต่เด็กๆ จนจบ ป.ตรีแม่และครอบครัวไม่เคยลำบากกับเราเลยใครจ้างให้ช่วยอะไร ทำอะไรทำหมด ใช้หลักวิธีคิด วิธีเดียวคือเค้าจ้างเรา เราได้เงิน เขาได้งาน เราได้เรียนรู้งาน (คิดง่ายๆ เค้าจ้างเราเรียน)
… ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว…
เราขึ้นมาทำงานที่กรุงเทพด้วยเงินยืม 1,500 บาท จากการยืมเงินเพื่อน 3 คน คนละ 5 ร้อย (ต้องขอบคุณเพื่อนจริงๆ) หอบใบปริญญาตรี 1 ใบ แบกหน้าเข้ามาเมืองหลวงโดยที่ไม่มีญาติที่นี่เลย เหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากสอบบรรจุครั้งที่ 1 ไม่ผ่าน ตอนนั้นสงสารแม่มาก คนที่หน้าเศร้าที่สุดก็คือแม่ แต่จริงๆ ก็บอกแม่ไปแหละว่าแม่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวค่อยสอบอีกก็ได้
ด้วยความที่มีพี่ดีๆ หลายคนแนะนำช่องทางให้จึงตั้งใจสมัครงานออนไลน์เป็นครูเอกชน (กรุงเทพฯ) ซึ่งเป็นจังหวัดหนึ่งที่เราไม่เคยคิดจะมาอยู่เลยคำถามที่ถามตัวเองคือ จะอยู่ได้ไหม ?
- ไม่ใช่คนกรุงเทพ
- ไม่เคยมาอาศัยในกรุงเทพ
- ไม่มีญาติในกรุงเทพเลย
“คำตอบที่ตอบตัวเองคือ เอาว่ะ ลุยกันสักตั้ง”
ด้วยความที่เป็นคนชอบวางแผนอยู่แล้วก็ใช้ความรู้ด้าน IT ที่ตัวเองร่ำเรียนมาศึกษาเรื่องราว วางแผนก่อนมาใช้ชีวิตที่นี่
- การนั่งแท็กซี่เอย
- การใช้ชีวิตของคนที่นี่เอย
- หรือแม้แต่การขึ้นรถเมล์ของคนที่นี่
(ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะเราต้องขึ้นทุกวัน ตอนนั้นโชคดีมีแอพลิเคชั่น Bangkok Bus ช่วยชีวิตดีมาก ตั้งแต่มาอยู่กรุงเทพไม่เคยถามทางใครเลย)
หลังจากก้าวเข้ามาอยู่กรุงเทพ ทำงานเป็นครูเอกชน เวลาผ่านไป 6 เดือน ก็เปิดสอบบรรจุครูผู้ช่วยอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ที่เรียนจบใหม่ๆ ยอมรับอ่านหนังสือหนักมาก พอมาทำงานแล้ว ก็ไม่อยากอ่าน ทำงานมาเหนื่อย เหนื่อยก็นอน
วันประกาศสมัครสอบก็มาถึง เราเลือกไว้หลายที่เลยยกเว้น สพม.2 กรุงเทพ โดนกากบาททิ้งไม่ได้อยู่ในลิส ซึ่งเป็นสังกัดเรานี่เองอยู่มาวันหนึ่งสิ่งที่คิดขึ้นมาคือ คนไม่พร้อมไปสอบที่ไหนก็ไม่ติดเอาว่ะ สอบที่นี่แหละ ใกล้ๆ ค่ารถเมล์ 6.50 บาท ค่าโรงแรมก็ไม่ต้องไปเช่านอนตอนสอบ สบายๆ ไม่เปลืองตังค์ สุดท้าย ก็เลือกสมัครสอบที่นี่
ถึงวันประกาศผลสอบ ถามว่าคาดหวังไหมคือคาดหวังอยู่นะเพราะก็รู้สึกว่าตัวเองพอทำได้ไม่กล้าดูผลเลย กลัว บวกตื่นเต้นบอกให้คนในครอบครัวดูผลให้หมดยกเว้นตัวเอง สุดท้ายก็ตัวเองนีแหละเป็นคนที่เห็นผลก่อนเพราะไปเลื่อนเจอเพื่อนโพสต์ละเห็นชื่อตัวเองด้วยกรี๊ดลั่นเลย สอบได้ที่ 14 จากทั้งหมด 272 คนชีวิตไม่เคยรู้สึกดีใจอะไรขนาดนี้ มันสุดจริง
ผ่านไป 4 เดือนก็เรียกบรรจุพอเรามาเป็นครูก็พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดและพยายามพัฒนาตัวเอง ตลอดเวลา มีอะไรใหม่ๆก็พยายามเรียนรู้ เพราะเรื่อง IT มันพัฒนาไปตลอด
เส้นทางชีวิตมันไม่ได้สวยงามเลย ณ วันนี้มีความสุขในชีวิตกับเป้าหมายตัวเองลุยเพื่อคนในครอบครัว และทำเพื่อส่วนรวมแค่นั้นพอ คติสอนใจที่เตือนตัวเองเสมอคือ คนอื่นทำได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้
ขอบคุณความลำบากที่ทำให้เราเข้มแข็ง
ขอบคุณครูบาอาจารย์ทุกท่านที่คอยช่วยเหลือเสมอ
ขอบคุณทุกคนที่คอยสนับสนุนอยู่ข้างหลัง
ขอบคุณเพื่อนทุกคนที่คอยช่วยเหลือ
ขอบคุณตัวเองที่ไม่ท้อ ที่ต่อสู้มาจนถึงทุกวันนี้
ไม่เคยลืมพื้นดินที่เหยียบย่ำ ไม่เคยลืมคนที่คอยช่วยเหลือทุกคน เราเกิดมาเป็นนักรบเพื่อต่อสู้ ที่ไม่เคยท้อต่ออุปสรรคทั้งปวง
อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา